กินมันติดเหงือก กินเผือกติดฟัน
"กินเผือกติดฟัน
กินมันติดเหงือก กินทั้งมันกินทั้งเผือก
ติดทั้งเหงือก
ติดทั้งฟัน"
"ชามเขียวคว่ำเช้า
ชามขาวคว่ำค่ำ"
"เช้าฟาดผักฟัก
เย็นฟาดฟักผัด"
ไม่ว่าชาติไหน
ภาษาไหน ไทยใหญ่ จีนไหหลำ หรือ ปาปัวนิวกินี ก็คงมีการเล่นกับภาษา เหมือนกับที่เราเคยเล่นกันตอนเด็กๆ
นะคะ จำกันได้ไหมไหนลองทวนกันใหม่อีกทีสิคะ คราวนี้อย่าให้ผิดนะ ประเดี๋ยวจะพลาดการไปเป็นดาราค่ะ แม่สาลิกาจำได้ว่า สมัยสาววัยขบเผาะเคยไปทดสอบการแสดง แล้วคนทดสอบให้ลองพูดคำเหล่านี้เร็วๆ เพื่อดูทักษะในการออกเสียง ว่าเพียงพอหรือเปล่าด้วยค่ะ แต่มาสมัยนี้คงไม่มีทดสอบอย่างนั้นแล้วกระมังคะ เพราะการ ออกเสียงของดาราสมัยใหม่ มันพิลึกพิลั่นลิ้นพันกันเหลือเกิน
จนสงสัยว่าพอสั่ง "คัท" แต่ละทีนี่ต้องไปลำบากแกะลิ้นออกจากกันหรือเปล่า
จะพูดเรื่องเผือกเรื่องมัน
ก็เผลอเลยเถิดกันไปถึงเรื่องของภาษาจนได้ แต่ถึงอย่างไร ภาษาที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ไม่หนีเรื่องอาหารไปหรอกค่ะ
ไม่ว่าจะ "เผือก มัน ผัดฟัก" หรือกระทั่งเครื่องมือการกิน เช่น
"ชามเขียว ชามขาว" เอามาคว่ำเช้าคว่ำก็ตาม
แม้จะเกริ่นถึงหลายอย่าง
แต่วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเผือกอย่างเดียวค่ะ ลอดช่องน้ำกะท ิและน้ำแข็งไสยังไม่ต้องก็ได้นะคะ เพราะเราจะมาพูดถึงเผือก ในแง่ของอาหารเก่าแก่แต่โบร่ำโบราณกันก่อน ยังไม่มีหลักฐานมายืนยันว่า
โบราณขนาดไหน แต่รู้ว่าคนไทยเราคุ้นเคยกับเผือก ทั้งจากตัวเผือกเอง และจากการสะท้อนทางวัฒนธรรม ในการเปรียบเทียบอะไรก็ตามที่ขาวว่าเป็น "เผือก"
เช่น คนเผือก ควายเผือก หรือกระทั่งช้างเผือก แม้จะไม่ได้ขาวปลอดตลอดตัวก็ตาม
คนจนตามบ้านนอกในสมัยก่อนนั้น รับประทานหัวเผือกต้ม หรือเผือกนึ่งแทนข้าว หรือนำมาหุงผสมข้าว เพื่อให้ดูเหมือนมีข้าวมากขึ้น
เพราะเผือกนั้นหาง่าย ขึ้นเองตามธรรมชาติ การหาหัวเผือกหัวมันตามป่า จึงเพียงแค่เดินออกไปไม่ไกลเกินสวนหลังบ้าน ก็จะเห็นต้นเผือกแล้ว แต่ในสมัยปัจจุบันนี้
เผือกกลับกลายเป็นของกินสำหรับคนทั่วไป หาง่ายตามถนนหนทาง แต่การจะได้มาต้องแลกกับเหรียญห้า 2 เหรียญในกระเป๋า เพราะคนที่หาบขาย เขาจะคิดราคาถุงละ
10 บาท
เผือกมีแป้งเป็นคุณค่าทางอาหารหลัก และมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่าย เป็นไปอย่างราบรื่น ในปัจจุบันนี้ เผือกได้แปรรูปมาเป็นอาหารหลายชนิด ทั้งคาวทั้งหวาน เช่น แกงเผือก ผัดเผือก เผือกอบ เผือกกวน ตะโก้เผือก เผือกฉาบแผ่นบาง เผือกทอด ( ไม่ยักเรียก "เผือกแขก"จะได้คู่กับ "กล้วยแขก"
) เผือกฝอยทอด (คล้ายขนมรังนก) รวมทั้งทอดเป็นเส้นๆ แบบมันฝรั่งทอด
ที่เรียกกันว่าเฟรนช์ฟรายด์ ก็น่าจะเรียก ทาโร่ฟรายด์ ไปด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีขนมปังไส้เผือก พายเผือก ลูกอมรสเผือก หมากฝรั่งกลิ่นเผือก แถมท้ายด้วยไอศครีมเอเชี่ยนดีไลท์เผือก ที่กว่าจะได้กิน ต้องเต้นเป็นลิงเป็นค่าง
หรือ เซิ้งกระติ๊บ เสียก่อนตามโฆษณาเมื่อหลายปีมาแล้วนั่นแหละค่ะ
ในสมัยที่ยาสีฟันยังไม่กำเนิดขึ้นบนโลก
เศรษฐีคนหนึ่งกลุ้มใจกับฟันของลูกเขยนัก เพราะมีขี้ฟันหนาเหลือเกิน แต่ด้วยความกลัวลูกเขยอายเลยไม่กล้าบอก
แต่ท้ายที่สุดก็ค้นหากุศโลบายอันแยบยลได้สำเร็จ นั่นก็คือ
ควักเงินให้ลูกเขยจำนวนหนึ่ง ให้ไปซื้ออ้อยมากิน เพราะเส้นใยของอ้อยนั้นจะขัดให้ฟันสะอาดเอี่ยมมาก
ไม่นานลูกเขยก็กลับมา พ่อตาก็คาดว่าจะได้เห็นฟันอันเอี่ยมอ่อง
ที่ไหนได้กลับกลายเป็น มีขี้ฟันหนากว่าเดิมอีกต่างหาก เพราะลูกเขยมารายงานว่า
"อ้อยไม่มีนะพ่อ ฉันเห็นเผือกเผาขายอยู่น่ากิน ก็เลยซื้อมาแทน
พ่อจะกินมั่งไหม" เศรษฐีเลยจนปัญญา ไม่รู้จะทำอย่างไร จะให้ไปซื้อใหม่ก็อาจจะไปเจอ "มัน"
เข้าให้ แล้วทีนี้ถ้าลูกเขยเกิด "กินทั้งเผือก กินทั้งมัน " ก็เห็นทีจะ "ติดทั้งฟัน ติดทั้งเหงือก"
แน่นอนเลยล่ะค่ะ เศรษฐีเกรงว่าจะกลุ้มกว่าเดิม เลยพับโครงการ "ลูกเขยฟันสะอาด"
ไปเสียอย่างเงียบๆ เลยล่ะค่ะ น่าเห็นใจเศรษฐีจริงๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"กินเผือกแล้วอย่าลืมแปรงฟันก่อนนอน" นะคะ
กลับไปหน้ารู้ไว้ใช่ว่า สาระน่ารู้
|