เค้กแต่งงาน.. แทนความหวานชีวิตคู่
ภาพขนมเค้กสีขาวนวล
ตกแต่งลวดลายอย่างวิจิตร วางซ้อนกันเป็นชั้น โดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องจัดเลี้ยงหรูหรา ประดับประดาด้วยหมู่มวลดอกไม้ คงเป็นภาพที่ชินตาสำหรับพวกเราทุกคน สำหรับสิ่งสำคัญที่ดูเหมือนจากขาดไปเสียไม่ได้ สำหรับงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส อันว่าความเป็นมาของเค้กแต่งงานนั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์กาลโน่น เมื่อญาติพี่น้องของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมารับประทานอาหารร่วมกัน จะมีการโปรยแป้งสาลี เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของชีวิตครอบครัวใหม่ ครั้นต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ชาวอังกฤษได้เป็นผู้ออกแบบเค้กก้อนใหญ่ วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ
แบบปิรามิด แต่ในสมัยนั้น เนื้อเค้กยังเป็นแบบฟรุตเค้กสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
ซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่งและหรูหรา เค้กจะมีเนื้อแน่นและหนัก มีรสหวานจัดเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน โดยคู่บ่าวสาวจะเก็บเค้กแต่งงานส่วนบนสุด ไว้กินฉลองครบรอบปีการแต่งงาน
หรือไว้ฉลองรับขวัญลูกคนแรก ส่วนเนื้อเค้กที่นุ่มนวลตกแต่งด้วยครีมขาวนั้น เป็นเค้กแต่งงานสไตล์อเมริกัน ที่เพิ่งเริ่มมีกันในสมัยศตวรรษที่ 20 นี่เอง
ในสมัยเก่าก่อนนั้นเจ้าสาวจะเป็นผู้ตัดเค้ก เพราะเค้กเปรียบประดุจเจ้าสาวที่งดงาม การตัดเค้กเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการตัดสินใจสละโสด
ก้าวเข้าสู่ชีวิตครอบครัว นอกจากนั้นในงาน เจ้าสาวจะตัดเค้กแจกให้เพื่อนๆ ทุกคน
ส่วนสาวๆ ที่ได้รับส่วนแบ่งขนมเค้ก จะนำขนมเค้กไปวางไว้ใต้หมอน
ว่ากันว่าจะทำให้นอนหลับฝันเป็นหน้าเจ้าบ่าวในอนาคต จนช่วงปลาย คริสตศักราช
1930 จึงได้เปลี่ยน มาเป็นคู่บ่าวสาวร่วมกันตัดเค้ก
ในปัจจุบันเค้กแต่งงานเป็นตัวแทนแห่งความหวานของชีวิตคู่
เจ้าบ่าวเจ้าสาวร่วมกันตัดเค้ก มอบให้กับบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย เพื่อแสดงความขอบคุณ นอกจากนั้นคู่บ่าวสาวจะต้องรับประทานเค้กชิ้นเดียวกัน ส่วนตัวผู้เขียนเองรู้สึกว่าเค้กแต่งงานที่เสริฟ์กันตามโรงแรมนั้น หาอร่อยๆ ทานยากเต็มที แต่ก็ได้ยินมาว่าทานเค้กแต่งงานแล้ว จะได้แต่งงานเป็นคู่ต่อไป จะเท็จจริงยังไงก็คงต้องขอให้สาวๆ ทั้งหลายเป็นผู้พิสูจน์
กลับไปหน้ารู้ไว้ใช่ว่า สาระน่ารู้
|